อันดับ ฟุตบอลโลก 2022 ล่าสุด

อันดับ ฟุตบอลโลก 2022 ล่าสุด

ฟุตบอลโลก หรือ FIFA World Cup เป็นการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลระดับโลกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สร้างความสัมพันธ์กระชับมิตรระหว่างประเทศ รวมถึงเป็นอุตสาหกรรมการกีฬาที่ส่งเสริมการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่จัดการแข่งขัน มาดูกันว่ากีฬาฟุตบอลโลกมีประวัติและที่มาอย่างไร

อันดับ ฟุตบอลโลก 2022 ล่าสุด กีฬาฟุตบอล เป็นกีฬาที่มีการจัดการแข่งขันระดับนานาชาติมาอย่างยาวนานกีฬาหนึ่งของโลก กติกาของฟุตบอลเข้าใจง่าย การเล่นฟุตบอลเป็นที่นิยมของหลายชาติ ดังนั้นจึงมีหน่วยงานส่วนกลางที่จัดการแข่งขัน และเวียนกันเป็นเจ้าภาพทุกๆ 4 ปี

ฟุตบอลโลก (FIFA World Cup) มีประวัติและที่มาอย่างไร

อันดับ ฟุตบอลโลก 2022 ล่าสุด เป็นที่ทราบกันดีว่าทุก ๆ 4 ปี มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่และมีผู้ให้ความสนใจทั่วโลกอย่าง “ฟุตบอลโลก” (world cup) จะแวะเวียนมาบรรจบ ให้เพื่อน ๆ ได้ร่วมลุ้นร่วมเชียร์ทีมที่ชื่นชอบ โดย สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า (F.I.F.A.) จะทำการคัดเลือกประเทศที่มีศักยภาพผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ “ฟุตบอลโลก” ซึ่งคราวนี้ในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2010 (พ.ศ.2553) ก็เป็นหน้าที่ของประเทศแอฟฟริกาใต้ที่รับเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน โดย ฟุตบอลโลก 2010 จะเริ่มทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน ถึงวันที่ 11 กรกฎาคมนี้

แต่ในขณะที่แฟนบอลตั้งตารอฟุตบอลโลก 2010 โดยจดตารางบอลโลก 2010 จนนึกขึ้นได้ จะมีแฟนฟุตบอลโลกตัวจริง ประวัติการแข่งขันฟุตบอลโลก ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ กระปุกดอทคอม ออกแบบรายละเอียดบางส่วน นำเพื่อน ๆ เข้าสู่แวดวงเปิด ประวัติฟุตบอลโลก อยากรู้ตามมา ฟุตบอลโลก หรือ FIFA World Cup (ฟีฟ่า เวิลด์คัพ) เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศ ฟุตบอลโลก เป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี พ.ศ. 2473 (พ.ศ. 2473) คือ เริ่มต้นครั้งแรกโดย Juul. Rimet (จูลส์ ริเมต์) ผู้ก่อตั้ง ภาษาฝรั่งเศส. เสนอเมื่อปี พ.ศ. 2445 (พ.ศ. 2445) ในการประชุมของสภาสมาชิกสมาคมฟุตบอลระหว่างประเทศ จนแล้วเสร็จ เริ่มจริงในปี พ.ศ. 2473 และได้รับเกียรติให้ประเทศเป็นเจ้าภาพ อุรุกวัย มี 13 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขันนี้ โดยอุรุกวัย คว้าแชมป์โลก หลังจากเอาชนะอาร์เจนตินา 4-2 ถ้วยรางวัลนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า ‘ถ้วยจูลส์ ริเมต์’ เพื่อเป็นเกียรติแก่จูลส์ ริเมต์ สเปน บอลโลก

fifa cup

คอสตาริกา บอล จากนั้นก็มีการจัดการแข่งขัน ฟุตบอลโลก ต่อเนื่องมาทุก 4 ปี โดยครั้งที่ 2 จัดขึ้นในปี ค.ศ.1934 (พ.ศ.2477) ที่ประเทศอิตาลี ผลปรากฏว่าทีมเจ้าภาพก็คว้าแชมป์โลกไปครองได้อีก ด้วยการเอาชนะประเทศเชโกสโลวาเกีย ส่วนครั้งที่ 3 จัดขึ้นในปี ค.ศ.1938 (พ.ศ.2481) ที่ประเทศฝรั่งเศส แต่ประเทศอิตาลียังยอดเยี่ยมคว้าแชมป์โลกไปครองได้อีกสมัย แต่หลังจากฟุตบอลโลกครั้งที่ 3 การแข่งขันต้องหยุดชะงักไป 12 ปี (ค.ศ.1942, 1946) เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้มาเริ่มแข่งขันครั้งที่ 4 ในปี ค.ศ.1950 (พ.ศ.2493) โดยประเทศบราซิลรับเป็นเจ้าภาพ ท่ามกลางความขัดแย้งของหลาย ๆ ชาติ เนื่องจากควันหลงจากสงครามโลกนั่นเอง 

ต่อมาในปี ค.ศ.1970 (พ.ศ.2513) ประเทศบราซิลได้คว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 3 จึงได้สิทธิ์ครอบครอง ถ้วยจูลส์ ริเมท์ (ซึ่งภายหลังได้ถูกขโมยไป) ทางสมาชิกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติจึงได้จัดทำถ้วยรางวัลขึ้นมาใหม่ โดยใช้ชื่อว่า “ถ้วยฟีฟ่า” ทำด้วยทองคำ มีความสูง 36 เซนติเมตร มูลค่าประมาณ 4 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ และใช้มาจนถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ในปี ค.ศ.1982 (พ.ศ.2524) ซึ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 12 ทางสมาชิกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติได้ปรับเปลี่ยนจำนวนทีมเข้าแข่งขันจากเดิม 16 ทีม เป็น 24 ทีม และในปี ค.ศ.1998 (พ.ศ.2541) ต่อมาก็เพิ่มจาก 24 ทีมเป็น 32 ทีม เนื่องจากฟุตบอลเริ่มได้รับความนิยมไปแพร่หลายทั่วโลก แต่ละประเทศมีการพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาก จึงน่าจะมีทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายมากขึ้นตามไปด้วย จนได้ชื่อว่าเป็นการแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก

10 อันดับนักเตะที่เลี้ยงผ่านคู่แข่งได้มากที่สุดใน ฟุตบอลโลก 2022

10. จามาล มูเซียลา – 10 ครั้ง

เพลย์เมคเกอร์ดาวรุ่งจาก ทีมชาติเยอรมนี ของ บาเยิร์น มิวนิค ที่ปีนี้น่าเสียดายที่ไม่สามารถพาทีมเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้ แต่ถึงแม้ ทัพอินทรีเหล็กจะตกรอบแรกเจ้าตัวก็ผลงานโดดเด่น สร้างโอกาสทำประตูได้ถึง 6 ครั้งรวมถึงเลี้ยงผ่านสำเร็จถึง 10 หนด้วยกัน

9. ฮาคิม ซิเยค – 11 ครั้ง

ตัวรุกชาวโมร็อกโก ของ เชลซี ที่สร้างเซอร์ไพรส์พาทีมคว้าอันดับที่ 4 ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นอกจากจะทำได้ 1 ประตู 1 แอสซิสต์ เจ้าตัวยังมีสถิติที่ดีในการเลี้ยงผ่านคู่แข่งได้มากถึง 11 ครั้งอีกด้วย

8. ดานี โอลโม – 11 ครั้ง

ต้นสังกัดจบแค่รอบ 16 ทีม แต่ฟอร์มส่วนตัวของนักเตะแอร์เบ ไลป์ซิกคนนี้โดดเด่นมาก เขาเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งมาแล้ว 11 ครั้ง และทำได้ 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ในปีนี้

7. อิสไมลา ซารร์ – 11 ครั้ง

เขาคือคนที่ต้องมีความหวังในเกมรุกของเซเนกัล แทนที่จะเป็นซาดิโอ มาเน่ ซึ่งพาทีมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยปีกเพียงประตูเดียว และการเลี้ยงบอลจากวัตฟอร์ด 11 ครั้ง

6. แอนโทนี – 11 ครั้ง

เรียกได้ว่าขึ้นชื่อเรื่องลีลาลากเลื้อยอยู่แล้ว นอกเหนือจากการเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถิตินี้แล้ว ปีกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นแกนหลักของทีมชาติบราซิล แต่สามารถไล่ตามคู่แข่งได้ถึง 11 ครั้งในเวลาเพียง 171 นาทีของการเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้

5. โซฟิยาน บูฟาล – 13 ครั้ง

ตัวรุกวัย 29 ปีจาก อ็องเชร์ มีส่วนสำคัญในการพา โมร็อกโก คว้าอันดับที่ 4 ในฟุตบอลโลกหนนี้ แถมยังโดดเด่นกับการลากเลื้อยไปกับบอลได้ดีจนทำสถิติลากผ่านคู่แข่งไปมากถึง 13 ครั้ง

4. เนย์มาร์ – 14 ครั้ง

สตาร์ชาวบราซิลจากปารีส แซงต์-แชร์กแมงทำได้แค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในปีนี้ และแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บระหว่างทัวร์นาเมนต์และลงเล่นเพียง 3 เกม แต่เขายิงได้ 2 ประตู 1 แอสซิสต์ตามหลังคู่แข่ง 14 นัดจากเวลาเพียง 279 นาที เวลาภาคสนาม

3. อังเคล ดิ มาเรีย – 16 ครั้ง

จอมลากเลื้อยอีกหนึ่งคนที่ปีนี้แม้จะไม่ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องกับ อาร์เจนตินา แต่ก็ทำผลงานได้ดีเสมอเมื่อได้รับโอกาส และทำไป 1 ประตูกับ 2 แอสซิสต์พร้อมกับการเลี้ยงผ่านคู่แข่งสำเร็จถึง 16 ครั้ง

2. ลิโอเนล เมสซี – 21 ครั้ง

แม้จะอายุ 35 ปี แต่ “คิง ลีโอ” ก็ดูเหมือนจะพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ด้วยผลงาน 7 ประตู 3 แอสซิสต์ นอกจากนี้เขายังมีสถิติการผ่านคู่ต่อสู้ถึง 21 ครั้งในทัวร์นาเมนต์ทั้งหมด

1. คีเลียน เอ็มบเปเป้ – 27 ครั้ง

ส่วนอันดับหนึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น ‘ประธานเบ’ ของเราคือผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการพาฝรั่งเศสไปสู่ตำแหน่งรองชนะเลิศและรับตำแหน่งผู้ทำประตูสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ และการเลี้ยงบอล การเลื้อย และความเร็วของเขาทำให้เขาเป็นเจ้าของสถิติการเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งถึง 27 ครั้ง

10 อันดับ ฟุตบอลโลก 2022 ล่าสุด

World_Cup_2022

วันที่ 22 ธันวาคม 2565 สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประกาศอันดับโลกล่าสุดอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจบการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ซึ่งเป็นการอัปเดตครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม ฮอลแลนด์ บอล

อย่างไรก็ตาม ทีมชาติอาร์เจนตินา แชมป์บอลโลกทีมล่าสุด ขยับขึ้นมาเพียง 1 อันดับ จากที่ 3 มาอยู่อันดับ 2 ของโลก ยังไม่แซงหน้า ทีมชาติบราซิล ที่ยังคงรั้งอันดับ 1 ของโลกต่อไป แม้ว่าตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายก็ตาม ขณะที่ ทีมชาติฝรั่งเศส ก็เลื่อนขึ้นมา 1 อันดับ จากที่ 4 มาอยู่อันดับ 3 ของโลก

อันดับโลกล่าสุดของทั้ง 10 ทีมชาติในฟุตบอลโลก 2022
  1. บราซิล (อันดับเดิม)
  2. อาร์เจนตินา (+1) *แชมป์
  3. ฝรั่งเศส (+1)
  4. เบลเยียม (-2)
  5. อังกฤษ (อันดับเดิม)
  6. เนเธอร์แลนด์ (+2)
  7. โครเอเชีย (+5)
  8. โปรตุเกส (อันดับเดิม)
  9. สเปน (-3)
  10. โมร็อกโก (+11)

วิธีรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022

วิธีรับชมบอลโลก

มีรายงานว่าฟีฟ่าจะได้รับเงินจากการขายลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกประมาณ 1.41 พันล้านปอนด์เลยทีเดียว สำหรับชาวสหราชอาณาจักร์ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ได้ทาง BBC และ ITV ทั้งสองสถานีรับหน้าเสื่อถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกมาตั้งแต่ครั้งก่อนเมื่อปี 2018 ซึ่งลิขสิทธิ์ครอบคลุมทั้งการทำรายการโทรทัศน์, วิทยุ และทางออนไลน์อีกด้วย ส่วนในสหรัฐอเมริกา จะถ่ายทอดสทาง Fox ซึ่งบรรยายเกมเป็นภาษาอังกฤษ และทาง Telemundo ที่จะบรรยายเกมเป็นภาษาสเปน ทั้งสองช่องยังจะถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไปจนถึงการแข่งขันครั้งต่อไปในปี 2026 ซึ่งสามชาติอย่างสหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเม็กซิโก จะเป็นเจ้าภาพร่วมกันอีกด้วย ส่วนการถ่ายทอดสดในประเทศไทย จะมี 17 ช่องที่แบ่งกันถ่ายทอดสด ประกอบด้วย True4U 24, T Sports 7, ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 7, ช่อง 8, ช่อง 9 MCOT, NBT, TPBS, Thairath TV, Amarin TV, Mono 29, PPTV 36, GMM25, Nation TV, ONE 31 และ JKN18